จากกรณีที่คุณแม่รายหนึ่ง ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลแล้วต้องสูญเสียลูก แต่ศพลูกถูกสลับไป จนเกิดเรื่องขึ้น ครอบครัวตั้งข้อสังเกตว่า โรงพยาบาลพยายามปิดบังสาเหตุการเสียชีวิต และทำลายหลักฐานด้วยการสลับศพลูกไปให้คนอื่น
ทำให้หลายคนก็ตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้วเหตุการณ์นี้มันเกิดจากความจงใจของโรงพาบาล หรือเกิดจากความผิดพลาดในการส่งศพให้ญาติ ทีมข่าวช่อง 7HD ไปสอบถามถึงขึ้นตอนการเก็บรักษาศพ รวมทั้งขั้นตอนการรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
โดยขั้นตอนการเก็บรักษาศพ โรงพยาบาลจะเก็บศพไว้ 2 ชั่วโมง เพื่อรอดูปฏิกิริยาตอบสนองว่าเสียชีวิตแล้วจริง ๆ เมื่อยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำสายรัดข้อมือมาใส่ไว้ที่ข้อมือศพ โดยจะระบุชื่อ-นามสกุลผู้เสียชีวิต วันเดือนปี และอาการที่ทำให้เสียชีวิต
ขณะเดียวกันที่ถุงห่อศพ ก็จะติดชื่อ-นามสกุลของผู้เสียชีวิตอีก เพื่อป้องกันการผิดพลาดในการส่งศพ ในกรณีที่เป็นศพทารกแรกเกิดที่ยังไม่มีชื่อ ที่ป้ายข้อมือและถุงใส่ศพ จะเขียนเพศและนามสกุลของแม่ไว้ จากนั้นนำศพไปเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นของห้องเย็นที่อยู่ในห้องดับจิต หากเป็นศพทารก หรือศพเด็ก 1 ช่องอาจใส่ศพได้ 4-5 ศพ แล้วแต่ขนาดของศพ หากศพที่ไม่มีญาติมารับ หรือเป็นศพไร้ญาติ ภายใน 7 วัน จะส่งศพไปฝังไว้ในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้
สำหรับการรับศพจากโรงพยาบาล เมื่อแน่ชัดแล้วว่าเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็จะแจ้งการตายไปให้ญาติทราบ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำเอกสาร แจ้งสาเหตุ วัน เวลา การเสียชีวิต เพื่อให้ญาตินำเอกสารนี้ไปขอใบมรณบัตร ที่สำนักงานเขต หรือที่ว่ากรอำเภอ เมื่อได้ใบมรณบัตรมาแล้ว ญาติมาติดต่อขอรับศพได้ โดยจะต้องเตรียมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนของญาติผู้มารับศพ ใบสูติบัตรของเด็ก และใบมรณบัตร
หากเป็นการเสียชีวิตนอกเวลาราชการ ไม่สามารถออกใบมรณบัตรได้ ญาติต้องฝากศพไว้ที่โรงพยาบาลก่อน รอจนกว่าจะมีใบมรณบัตร ถึงจะสามารถรับศพไปประกอบพิธีได้ ส่วนทารกแรกเกิดยังไม่มีใบสูติบัตร เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลการคลอดจากเวชระเบียน มาเป็นเอกสารยืนยันตัวตนให้ตรงกับญาติที่มาติดต่อรับศพ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โรงพยาบาลจะส่งศพให้ญาติ ก็ควรจะตรวจสอบให้ดีว่าถูกต้องหรือไม่ เช่นเดียวกับฝั่งคนที่จะมารับศพ ก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าศพที่เรารับ ใช่ญาติของเราหรือเปล่า
August 04, 2020 at 09:50AM
https://ift.tt/2Xn8aqU
เปิดขั้นตอนการเก็บรักษา และรับศพทารกแรกเกิด - ช่อง 7
https://ift.tt/2XPOc7E
Home To Blog
No comments:
Post a Comment